วันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

English

สวัสดีครับ เริ่มที่เรื่องแรกเลยนะครับ เรื่อง Tense

                                         

Tenses คือ รูปกริยาที่บอกความหมาย และเวลาของการกระทำนั้น  แบ่งออกเป็น
1. The Simple Tenses
                - Present Simple
                - Past Simple
                - Future Simple
2. The Continuous (Progressive) Tenses
                - Present Continuous
                - Past Continuous (Progressive)
                - Future Continuous (Progressive)
3. The Perfect Tenses
                - Present Perfect
                - Past Perfect
                - Future Perfect
4. The Perfect Continuous Tenses
                - Present Perfect Continuous
                - Past Perfect Continuous
                - Future Perfect Continuous
โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้

The Simple Tense
- Present Simple
รูปกริยา Subject + Verb เติม -s หรือ –es
วิธีการใช้
1. ใช้  Present Simple กับความจริงที่เป็นกฎตายตัว (general truth)
 - The earth moves round the sun. (โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์)
- The sun rises in the east. (ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก)
2. ใช้ Present Simple กับการกระทำซึ่งเป็นประจำในปัจจุบัน (repeated or habitual facts)
- He says hello every time he sees me. (เขาทักฉันทุกครั้งที่พบกัน)
- He gets up early everyday. (เขาตื่นแต่เช้าทุกวัน)
เหตุการณ์หรือการกระทำที่เป็นประจำ มักจะมีคำหรือข้อความประโยค ที่แสดงความบ่อย หรือความเป็นประจำต่อไปนี้
always
every month
sometimes
every year
often
once a week
frequently
twice a month
usually
every other day
naturally
in the morning
generally
on Sundays
rarely
on week days
seldom
when (ever) he sees me
habitually
when (ever) he comes here
every day
whenever he can
every week
whenevwhenever you want

   - Past Simple
รูปกริยา Subject + Verb ช่องที่ 2
                วิธีการใช้
                1.ใช้ Past Simple กับการกระทำซึ่งเกิดขึ้นและจบลงไปแล้วในอดีต ซึ่งมักจะมี คำแสดงอดีตรวมอยู่ด้วย
- He arrived at four o'clock yesterday morning. (เขามาถึงตอนตีสี่เช้าวานนี้)
- She went to the movies last night. (เมื่อคืนนี้ หล่อนไปดูหนัง)
เหตุการณ์หลายเหตุการณ์ที่เกิดติดต่อกันในอดีต ถ้าประสงค์จะพูดถึงเหตุการณ์เหล่านั้นโดยไม่ประสงค์จะแสดงความเกี่ยว พันกันก็ใช้ Tense นี้ได้ตลอด เช่น
- She drove into the car-park, got out of the car, closed all the windows locked the doors, and walked towards the cinema.
(หล่อนขับไปยังที่จอดรถ ลงจากรถ ปิดหน้าต่างทุกบาน ใส่กุญแจประตู แล้วก็เดินไปยังโรงหนัง)
2. ใช้ past simple กับการกระทำซึ่งเกิดขึ้นเป็นประจำในอดีต (ปัจจุบันไม่มีการกระทำนั้นแล้ว) ซึ่งมักจะมีคำแสดงอดีตและคำแสดงความบ่อยหรือความเป็นประจำรวมอยู่ด้วย เช่น
- He walked to school every day last year. (ปีกลายนี้เขาเดินไปโรงเรียนทุกวัน)
(คำแสดงความบ่อย = every day, คำแสดงอดีต = last year)
- He came to her place several times a week before he went to England.
(เขามาบ้านหล่อนสัปดาห์ละหลายครั้งก่อนที่เขาจะไปอังกฤษ)
(คำแสดงความบ่อย = several times a week, คำแสดงอดีต = before he want to England)



- Future Simple
รูปกริยา Subject + will (หรือ shall) + Verb ช่องที่ 1
ในแทบทุกกรณี (โดยเฉพาะในภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน) * Will ใช้กับประธานทุกคำรวมทั้ง และ we ในประโยคสนทนาไม่มีปัญหาในการใช้ shall หรือ will เนื่องจากทั้ง shall และ will ต่างก็ลดเสียงเป็น'll เหมือนกัน
- We'll be back.
 -They'll go home.
วิธีการใช้
ใช้กับการกระทำที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งปกติจะมีคำแสงอนาคต กำกับอยู่ด้วย เช่น soon,
shortly, tomorrow, tonight, next week, next month, next year, in a few minutes, a month from now เช่น
- They will leave soon.
- They will leave tonight.
- They will leave tomorrow.ข้อสังเกตทั่วไป
1. shall กับ will คำสั่งสองนี้มีความหมายได้ อย่าง คือ
1.แสดงความสมัครใจ (volition)
2.แสดงความจำใจ (obligation)
3.แสดงความเป็นอนาคต (futurity)
ความหมายทั้งสามนี้ แม้จะรู้ว่ามันมีอยู่ แต่เราไม่สามารถชี้ให้เห็นถึงข้อแตกต่างอย่างชัดเจนได้
เป็นว่าเมื่อ ใช้แสดงอนาคตนั้นก็แสดงความจริงใปด้วย ในตัว เป็นต้น
                2.'Pure' Future
โดยเหตุที่ความหมายของ will (shall) เป็นได้หลายกรณีดังกล่าวเมื่อใช้ในความหมายที่แสดงอนาคตอย่างแท้จริง จึงนิยมเรียกชื่อเสียใหม่ 'Pure' Future เช่น
-         I shall be twenty-nine tomorrow. (พรุ่งนี้ผมจะมีอายุ(ครบ) 29 ปี)
ในกรณีที่ประโยคเป็น 'Pure' Future นั้น โดยปกติใช้ I shall, we shall เสมอ คำอื่น ๆ ใช้ will ทั้งหมด คือเป็นไปตามกฎโดยเคร่งครัด
                3.ในประเทศอังกฤษ (ซึ่งเรียกว่า England ไม่ใช่รวมทั้งเกาะซึ่งเรียกว่า 1Britain) หรืจะว่าตามจริงก็ต้องในนครลอนดอน รูปคำถามของ และ We มักเป็น Shall I? หรือ we? เสมอ ยกเว้นในกรณีต่อไปนี้
- "You'll never pass the examination." คุณจะสอบไม่ได้แน่
- "Won't I?" ทำไมหละ (= ทำไมถึงจะสอบไม่ได้ล่ะทำไมถึงว่ายังงั้นล่ะ มีเหตุผลอะไร)
                4. Shall I? Shall we?
ข้อความนี้มีความหมายเป็นเชิงขออนุญาต ไม่มีความหมายเป็นคำถามเต็มที่ เช่น
- Shall I open the window? (ผมเปิดหน้าต่างได้ไหมครับ)
                5.Will you?มีความหมายเป็นเชิงว่า คุณจะกรุณา... ได้ไหม (= Are you willing to... หรือ  Would you like to ...) เช่น
- Will you help me carry this bag? (คุณจะช่วยกรุณาถือกระเป๋านี้ได้ไหม)
                6.เมื่อประธานมีหลายตัวแม้จะมี รวมอยู่ด้วยก็ใช้ will
- You and I will both be promoted.(คุณและผมทั้งสองคนจะได้เลื่อนขั้น)


 The Continuous (Progressive) Tenses
                - Present Continuous
รูปกริยา Subject + is (am, are) + (verb+ing).
วิธีการใช้
1.
ใช้ present continuous เมื่อการกระทำนั้นกำลังดำเนินอยู่ต่อหน้า (ในขณะที่พูดประโยคนั้น)
- The sun is shining. (ดวงอาทิตย์กำลังส่องแสง)
- The bees are humming. (ฝูงผึ้งกำลังส่งเสียงหึ่ง)
- What are you doing? (คุณกำลังทำอะไร)
ในกรณีที่ผู้พูดต้องการ เน้นคำว่า กำลัง ให้หนักแน่นยิ่งขึ้น นิยมเติมคำ just ลงข้างหน้า (just ใน
กรณีเช่นนี้ ไม่มีคำแปลในภาษาไทย)เช่น
-The children are just having breakfast. (พวกเด็ก ๆ กำลังรับประทานอาหารเช้ากันอยู่)
2.ใช้ present continuous ในเหตุการณ์ที่ดำเนินอยู่เป็นประจำในขณะที่พูด นี่เป็นข้อยกเว้นจากหลักทั่วไปที่ว่า ใช้ present simple กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำ เช่น
- My son works hard this term. (เทอมนี้ ลูกชายของผมเรียนหนังสืออย่างขะมักเขม้น)
- He tries his best now. (ขณะนี้เขา (ใช้ความ) พยายามอย่างเต็มที่ (อย่างเต็มวามสามารถ))ประโยคทั้งสองนี้ใช้ตามหลักทั่วไป ซึ่งจะพบว่าเป็นประโยคเนือย ๆ ไม่กระฉับกระแฉง ประโยคดังกล่าวจะมีความหมายดียิ่งขึ้นไปอีก ถ้าใช้ present continuous คือ
- My son is working hard this term.
- He is trying his best now.
3.
ใช้ present continuous แสดงเหตุการณ์ในอนาคต ซึ่งคาดว่าจะต้องเป็นเช่นนั้นแน่นอน
การใช้ Present continuous ในความหมายที่เป็นอนาคตนี้ ปกติเขาใช้กับกริยาที่มีการเคลื่อนที่ (verbs of movement) แต่จะใช้ กับกริยาอื่นบ้างก็ได้
- We are going to Paris on Sunday.
(วันอาทิตย์นี้เราจะไปนครปารีส)
- Dang is coming here next week and is staying here until May.
(แดงจะมาที่นี่ในสัปดาห์หน้า และเขาจะอยู่ที่นี่จนถึงเดือนพฤษภาคม)
- What are you doing next Sunday?
(วันอาทิตย์หน้าคุณจะทำอย่างไร)

กริยาที่ไม่ใช้ใน Continuous Tenses
hear
ได้ยิน
love
จำได้
see
เห็น
hate
เกลียด
feel
รู้สึก
know
รู้
smell
ได้กลิ่น
understand
เข้าใจ
taste
ได้รส,รู้รส
believe
เชื่อว่า
หมายเหตุ ฯลฯ
                กริยาที่ไม่ใช่ใน Continuous ได้แก่ กริยาแสดงการรับรู้ (verbs of perception) แสดงภาวะของจิตใจ (state of mind) ความรู้สึก (feeling) หรือแสดงสัมพันธภาพ (relationship) เช่น
เมื่อต้องการจะบอกว่า กำลังมีอาการเช่นนี้อยู่ คงใช้เพียง Present simple เท่านั้น เช่น
- I don't see anything here. (
ไม่ใช่ I am not seeing....) (ผมไม่เห็นอะไรที่นี้เลย)
- I see what you mean. (ไม่ใช่ I am seeing...)(ผมเข้าใจว่าคุณหมายความถึงอะไร)
- Do you hear the noise? (ไม่ใช่ Are you hearing...)(ผมได้ยินเสียงอะไรไหม)

  - Past Continuous (Progressive)
รูปกริยา Subject+ was (were) + (verb+ing)
วิธีการใช้
โดยปกติ Tense นี้ จะไม่ใช้ในประโยคที่มีกริยาตัวเดียว แต่จะใช้ในประโยคที่มีกริยา ตัวคู่กัน คือไมใช้ลอย ๆ เพียงเหตุการณ์เดียว แต่ใช้คู่กับ เหตุการณ์อีกเหตุการณ์หนึ่งเสมอ
1.ใช้ past continuous ได้ลอย ๆ เพียงเหตุการณ์เดียวได้เฉพาะในกรณีที่มีคำบอกช่วงเวลากำกับไว้ในประโยค คือ บอกว่าเหตุการณ์นั้น ๆ กำลังดำเนิน อยู่ในอดีตตลอดเวลาที่กำหนดนั้น เช่น
- He was writing all day yesterday.
- He was writing all afternoon yesterday.
2.ใช้ past continuous กับเหตุการณ์ อย่าง ซึ่งกำลังดำเนินอยู่พร้อม ๆ กันในอดีต (คำเชื่อม
ประโยค มักจะได้แก่ while)
- While one of the two thieves was working on the safe, the other was keeping watch for policemen.
(ขณะที่ขโมยคนหนึ่ง(ในสองคน)กำลังจัดการกับตู้เซฟอยู่นั้น อีกคนหนึ่งก็(กำลัง)คอยดูตำรวจ)
- He was working in Bloomingon while I was working in Bangkok.
(เขากำลังทำงานอยู่ในเมืองบลูมมิงตัน ในขณะที่ผมกำลังทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ)
3.
ใช้ past continuous คู่กับ past simple
เมื่อเหตุการณ์หนึ่งกำลังดำเนินอยู่ (Past continuous) ก็มีเหตุการณ์อีกอย่างหนึ่งเกิดขึ้น (past simple) เหตุการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ใช้ past continuous เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใหม่ใช้ past simple คำเชื่อมประโยคมักจะได้แก่ when, as, while
- It was raining when I came home. (เมื่อผมกลับบ้านนั้น ฝนกำลังตกอยู่)
- While the man was looking at the picture, a thief stole his purse.
(ขณะที่ชายคนนั้นกำลังดูรูปภาพอยู่ ขโมยได้ลักเอากระเป๋าสตางค์ของเขาไป)
- As I was walking along the theatre, a car mounted the pavement and crashed into a shop.
(ขณะที่ผมกำลังเดินอยู่หน้าโรงหนัง มีรถคันหนึ่งปีนขึ้นไปบนทางเท้า และพังเข้าไปในร้านขายของร้านหนึ่ง)หมายเหตุ ควรสนใจความหมายของการตอบคำถามต่อไปนี้
- Did you hear about Anong's new job? (คุณรู้เรื่องงานใหม่ของอนงค์หรือเปล่า)
- Yes, my wife was telling me about it this morning.
 หมายความว่า ภรรยาของผมได้บอกผมบ้างแล้ว แต่ผมก็ยังอยากรู้เรื่องนั้นอีก เพราะอาจจะเป็นว่าภรรยาบอกผมยังไมละเอียด
- Yes, my wife told me about it this morning.
หมายถึงว่า ภรรยาของผมถึงเรื่องนั้นแล้วละ และผมก็ไม่สนใจ ไม่อยากจะรู้เรื่องนั้นอีกเลย

- Future Continuous (Progressive)
รูปกริยา Subject + will (shall) be + (verb+ing).
วิธีการใช้
1.
ใช้ tense นี้ เมื่อต้องการจะบอกว่า ณ เวลาใดเวลาหนึ่งในอนาคตจะมีเหตุการณ์อะไรกำลัง
ดำเนินอยู่
การใช้ Tense นี้จึงต้องมี คำบอกเวลา ณ จุดหนึ่งในอนาคตกำกับอยู่ด้วยเสมอ คำบอกเวลานี้อาจเป็นกลุ่มคำ หรือวลี 
- At this time tomorrow I shall be flying over Hong Kong.
(ณ เวลานี้ในวันพรุ่งนี้ ผม(คง)จะกำลังเป็นอยู่เหนือฮ่องกง)
- He will be sleeping at 7 o'clock tomorrow morning.
(เขา(คง)จะกำลังหลับอยู่ ณ เวลา นาฬิกาพรุ่งนี้เช้า)
                - He'll be busy working when we call.
(เมื่อเราไปหาเขา เขาคงกำลังยุ่งอยู่กับงาน)
2. ใช้ future continuous กับเหตุการณ์ในอนา คต ซึ่งผู้พูดตัดสินใจแน่นอนแล้วว่า จะทำเช่นนั้น (ประโยคเช่นนี้ใช้เพียงfuture simple ก็ได้ แต่ความ หมายจะอ่อนลงไป)
- I'll be working all day tomorrow. (พรุ่งนี้ผมจะทำงานทั้งวัน)
(=I'll work all day tomorrow)
                - The Browns will be staying with us again this year.
(ปีนี้พวกครอบครัวบราวน์คงจะมาพักกับเราอีก)
(=The Browns will stay with us again this year.)
- What will you be doing tomorrow?
(พรุ่งนี้คุณจะทำอะไร)
(=What will you do tomorrow?)
- The ship will be sailing tomorrow morning.
(เรือจะออกเดินทางพรุ่งนี้เช้า)
(=The ship will sail tomorrow morning.)


The Perfect Tenses
            - Present Perfect
รูปกริยา Subject + has (have) + verb3.
วิธีการใช้
1.
ใช้กับเหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นในอดีต แต่ดำเนินติดต่อเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันขณะที่พูดประโยคนั้น
 โดยปกติจะมี กลุ่มคำ หรือ ประโยค บอกว่าเหตึการณ์นั้นเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อใด เช่น
since + จุดเริ่มต้นของเวลา
for + จำนวนเวลานับจากเริ่มต้น
ever since ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจนถึงบัดนี้
so far เรื่อยมาจนเดี๋ยวนี้ เรื่อยมาจนปัจจุบันนี้
up to now จนบัดนี้ จนกระทั่วเวลานี้
up to the present time จนบัดนี้ จนกระทั่งเวลานี้
- He has lived here since 1975.
- He has lived here ever since.
- He has lived here since then.
- He has lived here since his father died.
- He has lived here twenty years.ควรสังเกตว่าหลัง since เป็น point of time คือจุดหนึ่งของเวลา เช่น since eight o'clock, since
last week, since 1960, etc. สำหรับหลัง for เป็น period of time คือเป็นช่วงเวลาที่มีความยาวนาน เช่น for ten years, for three hours , for two weeks, etc. อนึ่ง หลัง since เมื่อเป็นประโยคก็จะต้องเป็น ประโยคที่แสดง point of time ซึ่งเป็น past เช่น
- He has lived there since his father died.
(เขาอยู่ที่นั่นมาตั้งแต่บิดาของถึงแก่กรรม)
2.ใช้ present perfect แสดงการเคยหรือไม่เคย
มักจะมีคำว่า  never, ever, once, twice... รวมอยู่ด้วยเสมอ
- Have you ever been to New York City?
(คุณเคยไปนครนิวยอร์กไหม)
- Yes, I've been there many times.
(ครับ เคยหลายหนแล้ว)
- No, never. I've never been abroad.
(ยังครับยังไม่เคยไป ผมยังไม่เคยไปเมืองนอกเลย)
3.
ใช้ present perfect กับเหตุการณ์ที่เพิ่งจบลงใหม่ ๆ
มักจะใช้คำ  Just, already (บอกเล่า) หรือ yet (คำถามหรือปฏิเสธ)
- The train has just arrived.
(รถไฟเพิ่มมาถึง)
- The train has already arrived.
(รถไฟมาถึงแล้ว)
(=The train has arrived already.)
- Has the train arrived yet (already)?
(รถไฟมาถึงหรือยัง)
- No, not yet. (ยัง ยังไม่มาถึง)
หมายเหตุ  มีอีกคำหนึ่ง คือ  just now ซึ่งอาจมีความหมายได้ อย่าง เมื่อครู่นี้ กับ ขณะนี้
ถ้า just now = เมื่อครูนี้ ใช้กริยา past simple
ถ้า just now = ขณะนี้ ใช้กริยา present perfect
I told you about it just now.
(ก็ผมบอกเรื่องนั้นเมื่อครูนี้น่านา)
He has finished his work just now.
((ขณะนี้) เขาเพิ่งจะทำงานของเขาเสร็จX
                4.ใช้ present perfect กับเหตุการณ์ซึ่งความจริงจบลงไปแล้ว แต่ใจผู้พูดยังรู้สึกในผลของเหตุการณ์นั้นๆ
- I have finished the book.
(ผมอ่านหนังสือนั้นจบแล้ว)
- I've opened the window.
(ผมเปิดหน้าต่างแล้ว)
- The clock has stopped.
(นาฬิกาหยุดเสียแล้ว)
- I've seen him before.
(ผมเคยพบเขาแล้ว)


  - Past Perfect
รูปกริยา Subject + had + verb3
วิธีการใช้
1. 
ใช้ tense นี้ เมื่อมีเหตุการณ์ อย่างในอดีต อย่างหนึ่งเกิดก่อนอีกอย่างหนึ่ง
เหตุการณ์ที่เกิดก่อนใช้  past perfect
เหตุการณ์ที่เกิดภายหลัง ใช้ past simple
- Anong had learned English before she went to England.
(อนงค์รู้จักภาษาอังกฤษก่อนไปประเทศอังกฤษ)
- When we got to the field, the football match had already started.
(เมื่อเราไปถึงสนามนั้น การแข่งขันฟุตบอลได้เริ่มขึ้นแล้ว)
- I didn't go to the cinema because I had already seen the film.
(ผมไม่ไปดูหนัง เพราะผมดูหนังเรื่องนั้นมาแล้ว)
- I had lost my pen and I was unable to do the exercises.
(ผมทำปากกาหาย ผมจึงไม่สามารถทำแบบฝึกหัดได้)
- He had unloced the door ; there was nothing to prevent you from going out.
(เขาไขกุญแจประตูออกแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีอะไรจะขัดขวางไม่ให้คุณออกไป)
การใช้ past perfect นี้ จะได้พบอีกครั้งหนึ่งเมื่อได้กล่าวถึงประโยคคาดคะเน สมมุติ หรือประโยคแสดงความปรารถนา และในการนำคำของผู้อื่นมาเล่า ( indirect speech) ซึ่งจะได้กล่าวถึงการใช้ tense นี้ในเรื่องนั้น ๆ
                2. ใช้ past perfect กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนเวลาหนึ่งในอดีต
- Jane had never seen a lion until yesterday.
(เจนไม่เคยเห็นสิงโตเลยจนกระทั่วเมื่อวานนี้ (จึงได้เห็น) )
- Soon the police arrived at the scene of the robbery. But they were too late . The thieves has already gone.
(ไม่ใช้พวกตำรวจก็ไปถึงที่โจรกรรม แต่สายเกินไป พวกโจรพากันไปเสียแล้ว)

  - Future Perfect
รูปกริยา Subject + will have + verb3
วิธีการใช้ 
1. 
ใช้ tense นี้ เมื่อต้องการจะบอกว่าเมื่อถึงเวลาหนึ่งในอนาคตเหตุการณ์อย่างหนึ่งได้จบสิ้นลง
"เวลาหนึ่งในอนาคต" นี้ ถ้าเป็น คำบอกอนาคต นิยมใช้หลัง by หรือ before เช่น
by tomorrow ก่อนพรุ่งนี้ (เมื่อถึงพรุ่งนี้)
by eight o'clock ก่อน นาฬิกา (เมื่อถึง นาฬิกา)
by next month ก่อนเดือนหน้า(เมื่อถึงเดือนหน้า)
before next year ก่อนปีหน้า
after two months หลังจาก เดือน(นับจากหนึ่ง)
ถ้าเป็น ประโยคบอกอนาคต ใช้กริยาเป็น present simple เช่น
- They will have finished the work by next week.
(ถึงสัปดาห์หน้าพวกเขาก็คงจะเสร็จงานนั้นแล้ว)
(=เสร็จงานนั้นก่อนสัปดาห์หน้า)
 - They will have finished the work when we arrive.
(เมื่อเราไปถึงพวกเขาก็คงจะเสร็จงานนั้นแล้ว)
(= เสร็จงานนั้นก่อนพวกเราไปถึง)
                - All these roses will have died before Christmas.
(กุหลาบนี้คงจะตายก่อนถึงวันคริสต์มาส)
-  She will have been in England be the end of March.
(เมื่อถึงสิ้นเดือนมีนาคมหล่อนคงจะอยู่ในอังกฤษเรียบร้อยแล้ว)
(=อยู่ในอังกฤษก่อนสิ้นเดือนมีนาคม)
                - It is now 8:30. I shall have finished my work by 2 p.m.
(ขณะนี้เวลา 8.30 น. ผมคงจะเสร็จงานก่อนบ่าย โมง)
(= เมื่อถึงบ่าย โมงนั้นผมคงจะเสร็จงานแล้ว)
                2. อาจใช้ future perfect แสดงความคาดคะเนหรือสงสัย
- You will have heard, I expect, that Ladda is going to get married.
(ผมคาดว่าคุณคงจะระแคะระคายมาแล้ว่าลัดดาจะแต่งงาน)


The Perfect Continuous Tenses
                - Present Perfect Continuous
รูปกริยา Subject + has(have) been + (verb+ing)
วิธีการใช้
ใช้ได้เฉพาะกริยาที่มีการต่อเนื่อง ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและดำเนินติดต่อกันเรื่อยมา
จนถึงปัจจุบัน เช่น
- Bill has been living in Bangkok since 1975.
(บิลอยู่ในกรุงเทพมาตั้งแต่ปี 1975)จะเห็นว่า การใช้ present perfect continuous ก็เหมือนกับการใช้ present perfect ธรรมดา
เพียงแต่ perfect continuous เน้นถึงความต่อเนื่องของเวลามากกว่า perfect ธรรมดาเท่านั้น
ปกติ : Bill has lived in Bangkok since 1975.
เน้นความต่อเนื่อง : Bill has been living in Bangkok since 1975.
(บิลอยู่ในกรุงเทพมาตั้งแต่ปี 1975)
ปกติ : He has worked on the problem for two hours so far.
เน้นความต่อเนื่อง : He has been working on the problem for two hours so far.
(เขาทำโจทย์มาเป็นเวลา ชั่วโมงแล้ว)
Note ควรระวังว่ากริยาที่ไม่แสดงความต่อเนื่องของการกระทำ (continuity of action ) จะใช้ tense นี้ไม่ได้
ผิด : The train has been arriving.
ถูก : The train has arrived.
ผิด : The clock has been stopping.
ถูก : The clock has stopped.ระวังไม่ใช้ perfect continuous กับคำต่อไปนี้ just, already, never, finally

 - Past Perfect Continuous
รูปกริยา Subject + had been + (verb+ing).
วิธีการใช้ 
การใช้ past perfect continuous มีหลักการเช่นเดียวกับการใช้ past perfect ธรรมดา คือ โดยปกติ
จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อมีเหตึการณ์ในอดีต เหตุการณ์ ขณะที่เหตุการณ์หนึ่งกำลังดำเนินอยู่ก็อีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น
เหตุการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ใช้ past perfect (continuous)
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใหม่ ใช้ past simple จงดูประโยคนี้
When I got to the meeting, the lecturer had spoken for half an hour.
(เมื่อผมไปถึงที่ประชุมนั้น ผู้บรรยายได้พูดมาเป็นเวลาครึ่งชั่วโมงแล้วจะเห็นว่า ประโยคนี้ได้ความดีอยู่แล้วจากการใช้ past perfect ธรรมดา แต่ประโยคนี้จะได้ความดีขึ้นอีก
ถ้าใช้ past perfect continuous คือ
- When I got to the meeting, the lecturer had been speaking for half an hour.ซึ่งถ้าดูคำแปลประโยคนี้ ก็จะเหมือนกับคำแปลที่แล้ว แต่ความหมายของประโยคนี้ดีกว่า
ประโยคก่อน เพราะ เน้นถึงการที่ผู้บรรยายได้บรรยายติดต่อกัน มาเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง ต่างกับประโยคแรกที่ไม่ได้เน้นถึงความต่อเนื่องของการบรรยาย (โดยปกติการบรรยายนั้นเขาก็บรรยายติดต่อกันมาไม่บรรยายแล้วหยุดแล้วบรรยายต่อ ดังนั้นประโยคนี้จึงได้ใจความดีกว่าประโยคแรกมากดังกล่าวแล้ว)
โดยทำนองเดียวกัน ประโยคว่า
- The telephone had been ringing for five minutes before it was answered.
(โทรศัพท์ได้ฟัง (ติดต่อกันมา) เป็นเวลาห้านทีก่อนที่จะมีผู้รับ)
ย่อมได้หมายความดีกว่าประโยคว่า
- The telephone had rung for five minutes before it was answered.ประโยคหลังนี้ไม่ผิด แต่ความหนักแน่นสู้ประโยคแรกไม่ได้ เนื่องจากประโยคแรกเน้นถึงการที่โทรศัพท์ดังติดต่อกันมาเป็นเวลาห้านาที ซึ่งประโยคหลังนี้ไม่มีการเน้นดังกล่าว ควรระวัง กริยาที่ไม่แสดงความต่อเนื่องจะใช้ใน  Continuous tense ไม่ได้


 - Future Perfect Continuous
รูปกริยา Subject + will(shall) + have been + (verb+ing)
วิธีการใช้ 
หลักการเช่นเดียวกับการใช้  Future perfect ธรรมดา เราจะใช้ perfect continuous เฉพาะเมื่อ
ต้องการเน้นความต่อเนื่องเท่านั้น คือ ใช้เมื่อต้องการจะบอกวา เมื่อถึงเวลาหนึ่งในอนาคต เหตุการณ์อย่างหนึ่งซึ่งดำเนินมาก่อนหน้านั้นก็ยังคงดำเนินอยู่และจะดำเนินต่อไปอีก
- By eleven o'clock I shall have been working for three hours.
(เมื่อถึงเวลา 11 นาฬิกา ผมก็จะทำงาน (ติดต่อกันมา) ครบสามชั่วโมง (และผมก็จะทำงานต่อไปอีก) )
จะเห็นว่าประโยคนี้ก็เหมือนประโยคที่ว่า
- By eleven o'clock I shall have worked for three hours.เพียงแต่ประโยคหลังนี้ไม่ได้เน้นถึงการทำงานติดต่อกันมาเหมือนประโยคแรก ประโยคหลังนี้
บอกเพียงว่า  เมื่อถึงเวลา 11.00 น. ผมก็จะทำงานครบ ชั่วโมง ไม่ความหมายพิเศษอย่างอื่น
- On August 12th we shall have been living in this house exactly four years.
(เมื่อถึงวันที่ 12 สิงหาคม เราก็จะอยู่บ้านหลังนี้ครบ ปีพอดี (และจะอยู่ต่อไปอีก))
 พิจารณาประโยคต่อไปนี้
1. It is now November.
(ขณะนี้เป็นเดือนพฤศจิกายน)
2. I wrote this book in June.
(ผมเขียนหนังสือนี้เมื่อเดือนมิถุนายน)
3. I have been writing this book for five months.
(ผมเขียนหนังสือนี้มาเป็นเวลา เดือนแล้ว (เขียนติดต่อกันมาเป็นเวลา 5 เดือนละบัดนี้กำลังเขียนคู่))
4. In October I was still writing this book and had been writing this book.
(เมื่อเดือนตุลาคม (ที่แล้ว) ผมก็กำลังเรียนหนังสือนี้อยู่ และได้เขียนหนังสือนี้ (ติดต่อกันมา) เป็นเวลา เดือนแล้ว)
5. In December I shall be writing this book and shall have been writing this book for six months.
(ในเดือนธันวาคม(ที่จะถึงนี้) ผมก็คงจะกำลังเขียนหนังสือนี้อยู่อีก และ(ในตอนนั้น) ผมก็จะเขียนหนังสือนี้ครบเวลา 6เดือน (แต่ก็จะยังเขียนต่อไปอีก))
6. I shall finish this book in January, when I shall have written this book seven months.
(ผมจะเขียนหนังสือนี้จบในเดือนมกราคม(ที่จะถึงนี้) ซึ่ง (ในตอนนั้น) ผมก็จะเรียนหนังสือนี้มาเป็นเวลา เดือน)
โปรดสังเกตข้อ และ ข้อ 6ในข้อ ประโยคตอนหลังใช้ future perfect continuous แสดงความต่อเนื่องของการเขียน (เมื่อถึงเดือนธันวาคมก็ยังเขียนอยู่ และจะเขียนต่อไป)
ต่างกับข้อ ประโยคตอนหลัง ใช้ future perfect ธรรมดาเพื่อต้องการแสดงว่าเมื่อถึงเดือนมกราคมกาเขียนก็คงจะเสร็จสิ้น ไม่เขียนอีกต่อไป 

จบแล้วนะครับเรื่อง Tense ต่อไปพบกับเรื่อง Subject and predicate

Subject and Predicate


ประโยค (Sentences) หมายถึง กลุ่มคำหรือข้อความที่กล่าวออกมาแล้วมี ใจความสมบูรณ์

ประโยคจะประกอบด้วยส่วนใหญ่ 2 ส่วน คือ
1.            ภาคประธาน (Subject)
2.            ภาคแสดง (Predicate)
ภาคประธาน
ภาคแสดง
He
shouted.
Mary
was selfish.
The loose door
rattled all night.
Those students
study hard for their exam.

ภาคประธาน
ภาคประธานอาจมีได้หลายรูปแบบ เช่น
1.   เป็นคำนาม เช่น The man walked in the rain.
2.  เป็นคำสรรพนาม เช่น He was a policeman.
3.   เป็นอนุประโยค เช่น What he described frightened everybody.
4.  เป็น gerund เช่น Writing was her hobby.
5.  เป็น gerund phrase เช่น Working in the South is dangerous.
6. เป็น infinitive เช่น To swim is a good exercise.
7.  เป็น infinitive phrase เช่น To escape from the prison seems impossible for him.
 หมายเหตุ ในบทเรียน 2.8 เรื่อง subject and predicate นักเรียนจะได้วิเคราะห์ประธานที่อยู่ในรูปของคำนาม และคำสรรพนามเท่านั้น ส่วนประธานที่อยู่ในรูปอื่นๆ นักเรียนจะได้เรียนต่อไปในหน่วยที่ 2.11 คำนาม และ 2.12 คำกริยา ต่อไป

ภาคแสดง
ภาคแสดงจะต้องประกอบด้วยคำกริยา และมีกรรมที่รวมเรียกว่า Verb Completion หรือ ส่วนขยายที่เรียกว่า Verb Modifiers
1. Verb Completion
She knows my name.
Many people complained a lot about air pollution.

2. Verb Modifiers (adverb)
The teacher should speak nicely to the children.
Students can be observed in all classrooms


Find out the subject from each sentence


1.      Have a happy birthday.
2.      Holly and Mac cleaned the basement.
3.      The girl plays the piano well.
4.      Who commanded the vessel?
5.      May I borrow your stapler?
6.      Justin washed and waxed Dad's car.
7.      Reading often improves your vocabulary
8.      How the people crowd the station!
9.      Where does the hare live in winter?
10.  The vessel was a magnificent five-master.
11.  What a timid little fellow the hare is!
12.  Grab my hand and hang on tight!
13.  Why are so many people gathered here?
14.  What a splendid boat that is!
15.  Life is but an empty dream.
16.  Where is the victory of the grave?
17.  Drive on as rapidly as possible.
18.  Down went the Cumberland!
19.  We'll spend our holiday!
20.  How fiercely the wind blows !


21.  Salad is a healthy addition to lunch and dinner.
22.  The drenching rainfall yesterday flooded many roads.
23.  Skunks are very accurate when they spray a rival.
24.  Place a coaster underneath your glass, please.
25.  Would they prefer chili or sauerkraut with their hotdogs?
26.  Do birds sing to warn other birds about their territory?
27.  At six o'clock each day, please feed and walk the dog.
28.  The garbage truck arrives very early in the morning.
29.  Cell phones are convenient at home or at the office.
30.  Sixteen inches of snow fell in the Adirondacks last night.
31.  How can they draw water from so deep a well?
32.  Yesterday we played a game of football.
33.  I heard this story from the captain of the vessel.
34.  How bright the fall flowers make the field look!
35.  Mr. Longfellow wrote a story about an Indian boy.
36.  Can you tell the name of the Indian boy?
37.  Where did you find those beautiful violets?
38.  Deep in the wave is a coral grove.
39.  Where shall we find shelter from the coming storm?
40.  Look out for that sharp turn at the foot of the hill
41.  What a vivid flash of lightning that was!
42.  Hold the horses in going down this steep hill.
43.  How very dark it is after each flash of lightning!
44.  Do you see that dark line of woods just across the bridge?
45.  Just in the edge of those woods stands a large farmhouse.
46.  Do you think we can reach the farmhouse before the storm breaks upon us?
47.  What a terrible storm this threatens to be!
48.  Drive the horses directly into the barn, for the storm is upon us.
49.  How very grateful we ought to be for this friendly shelter!
50.  Four young soldiers led the troops into battle
51.  In less than two hours, the entire cake had been eaten.
52.  For most of his career, Jim has ridden his bicycle to his office.
53.  Two beautiful goldfish in the pond were eating the insects on the top of the water.
54.  Until that last telephone call, I was having a wonderful day.
55.  Last week's fire was started by an arsonist from a nearby town.
56.  Her latest statement to the press was carefully worded.
57.  Novels by E. L. Doctorow are my favorite.
58.  The farmers in that part of the county are planting their fields this week.
59.  Eat your food slowly.
60.  Four people read the new novel. 
61.  A wad of gum was under the table.
62.  Committee members offered advice to the council.
63.  She bought a ticket to the all-Beethoven concert.
64.  You should buy a new car.
65.  Jack returned from his trip earlier than expected.
66.  I am anxious for you to return.
67.  He will bring the food to the party. 
68.  A small dog is inside the cage. 
69.  You should always buckle up your seatbelt. 
70.  Oscar's poodle won first prize in the dog show.
71.  An executive buyout was in the plan.
72.  Each guest brought a special dish to the pot luck dinner.
73.  You should get a flu shot as soon as possible.
74.  This is good work.
75.  The coach will offer free tennis lessons today at noon.
76.  On Friday the judge gave the thief a five-year sentence.
77.  I will be at the meeting tonight.
78.  Most women consider Snodgrass a handsome man.
79.  Your approval would be nice.
80.  Masie and I talked on the telephone for four hours.
81.  The pie in the oven smells delicious.
82.  Jackson was the most competent man in the company.
83.  That young man will probably become a famous movie star.
84.  Jim found your remarks outrageous.
85.  Ethan gives us piano lessons each Friday.
86.  An inner circle of politicians made Matthews treasurer of the campaign.
87.  The farmer at the roadside stand gave me an extra ear of corn.
88.  The microscopic dust mite was discovered less than three decades ago.
89.  This eight-legged pest is related to the tick and the spider.
90.  Do you ever wash your pillow in very hot water?
91.  Someone in your household should probably do so as soon as possible.
92.  The daily diet of the dust mite consists of tiny skin flakes on your pillow and sheets.
93.  The creatures leave tiny waste droppings in your bed.
94.  These microscopic droppings mix with dust in your bedroom and in the house.
95.  The body of the bedbug is flat and wingless.
96.  This bloodthirsty bug belongs to the insect class.
97.  The blood of mammals such as humans forms the bedbug’s diet.
98.  Abedbug may grow to a length of a quarter of an inch.
99.  The little insect usually sucks the blood of its host at night.

เฉลยแบบฝึกหัด 2.8 เรื่อง Subject and Predicate

SubjectPredicateExercise A
1.
 John and I went for a walk in the evening.
2.
 This is where I come to buy groceries.
3. 
Hundreds of people visit the museum every week.
4.
 The moon is the earth's natural satellite.
5. 
Mrs Banks took her nephew to the zoo yesterday.
6. 
The liver is the largest internal organ in the body.
7. 
All the students were eagerly waiting for the art class.
8. 
Our dog Peppy is very playful.
9. 
Video games and online games are very popular with adult and children alike.
10. 
Birds that live in cold places migrate to warmer regions in winter.
11. 
Almost everyone agreed with each other.
12. 
The cruel king was hated by all his subjects.
13. 
The entire town was destroyed by the earthquake.
14. 
The newly-wed couple bought a house in the city.
15. 
A loud noise woke me up in the middle of the night.
16. 
Mother and father along with my brother have gone out.
17. How 
the people crowd the station.18. Can you tell me the name of the girl?
19. 
Take this message to the central office.
*** เนื่องจากเป็นประโยคคำสั่ง (imperative sentence) ประธานจึงถูกละไว้ในฐานที่เข้าใจ นั้นก็คือ you แต่ไม่ปรากฏให้เห็นในรูปประโยค
20. Where did 
you find those antique vases?

ต่อไปเรื่อง active and passive voice ครับ

ACTIVE / PASSIVE VOICE

Active voice
In most English sentences with an action verb, the subject performs the action denoted by the verb.
    These examples show that the subject is  doing the verb's action.
            
Because the subject does or "acts upon" the verb in such sentences, the sentences are said to be in the active voice.

Passive voice
One can change the normal word order of many active sentences (those with a direct object) so that the subject is no longer active, but is, instead, being acted upon by the verb - or passive.
    Note in these examples how the subject-verb relationship has changed.
            
Because the subject is being "acted upon" (or is passive), such sentences are said to be in the passive voice.
NOTE:   Colorful parrots live in the rainforests cannot be changed to passive voice because the sentence does not have a direct object.
To change a sentence from active to passive voice, do the following:
    1.  Move  the active sentence's direct object into the sentence's subject  slot
             
    2. Place the active sentence's subject into a  phrase beginning with the preposition by
              
    3.  Add a form of the auxiliary verb be to the main verb and change the  main verb's form
              
Because passive voice sentences necessarily add words and change the normal doer-action-receiver of action direction, they may make the reader work harder to understand the intended meaning.
As the examples below illustrate, a sentence in  active voice  flows more smoothly and is easier to understand than the same sentence in  passive voice.
             
            
It is generally preferable to use the ACTIVE voice.

To change a passive voice sentence into an active voice sentence, simply reverse the steps shown above.
    1.  Move  the passive sentence's subject into the active  sentence's  direct object slot
             
    2.  Remove  the auxiliary verb be from the main verb and change main verb's form if needed
            
    3. Place the passive sentence's object of the preposition by into the subject slot.
           
Because it is more direct, most writers prefer to use the active voice whenever possible.
The passive voice may be a better choice, however, when
  • the doer of the action is unknown, unwanted, or unneeded in the sentence
             Examples
             
  • the writer wishes to emphasize the action of the sentence rather than the doer of the action
            Examples
               
  • the writer wishes to use passive voice for sentence variety.
ต่อไปเรื่อง Nouns&Verb ครับ

Nouns

It's not easy to describe a noun. In simple terms, nouns are "things" (and verbs are "actions"). Likefood. Food (noun) is something you eat (verb). Or happiness. Happiness (noun) is something you want (verb). Or human being. A human being (noun) is something you are (verb).
What are Nouns?
The simple definition is: a person, place or thing
teacher, school, book
Countable Nouns, Uncountable Nouns
Why is this important? Why do some nouns have no plural?
dog/dogs, rice, hair(s)
Proper Nouns (Names)
Do we say "Atlantic Ocean" or "the Atlantic Ocean"? Should I write "february" or "February"?
Shirley, Mr Jeckyll, Thailand, April, Sony
Possessive 's
Adding 's or ' to show possession.
John's car, my parents' house
Noun as Adjective
Sometimes we use a noun to describe another noun. In that case, the first noun is "acting as" an adjective.
love story, tooth-brush, bathroom
Compound Nouns
A compound noun is a noun that is made with two or more words.
tennis shoe, six-pack, bedroom

Verbs

  • Verb Classification | Quiz
    helping verbs: primary/modal
    main verbs: transitive/intransitive, linking, dynamic/stative, regular/irregular
Verb Forms | Quiz
to sing, sing, sings, sang, sung, singing
Tenses
I sing, I am singing, I have sung, I have been singing, I sang, I was singing
Phrasal Verbs | Quiz
put out, look after, get on with
Conditionals | Quiz
if I win, if I won, if I had won
Modal Verbs
can, shall, must...
Gerunds (-ing) | Quiz
fishing is fun, I hate working
Questions | Quiz
Do you like me?, Why do you like me?, Do you like me or him?
Tag Questions | Quiz
You like me, don't you?
Subjunctive | Quiz
She insists that he come
Active Voice, Passive Voice | Quiz
Cats eat mice, Mice are eaten by cats
Infinitive or -ing? | Quiz
I like to do, I like doing
Plural Verbs with Singular Subjects
the company do, the company does
Used to do / Be used to | Quiz
I used to do it, I am not used to it
Going to
I am going to do it
Future Time | Quiz
I will do it, I am going to do it, I am doing it, I do it
For & Since for Time | Quiz
for two days, since 1st April

ต่อไปเรื่อง synonyms&antonyms ครับ